ผลการค้นหา
แสดงผลการค้นหาจากคำว่า "1"
infoGraphic (12 เรื่อง)
????สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือน แก๊ง "ม้าไทย กระโดดข้ามแดน" ระวังจะโดนข้อหาหนัก "มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ" โทษจำคุกสูงสุด 15 ปี . วันนี้ (19 ตุลาคม 2568) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จากอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียหายจากการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีคนไทยบางส่วนไปมีส่วนร่วมในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน คนไทยด้วยกัน โดยการรับจ้างเปิดบัญชีม้า และข้ามแดนไปอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสแกนหน้าในการทำธุรกรรมโอนเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ . สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอเตือนพี่น้องประชาชนที่คิดจะแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ จากการรับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) และเดินทางไปอยู่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อทำการสแกนหน้ายืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมโอนเงินที่ได้จากการกระทำความผิด . ????การกระทำดังกล่าว นอกจากจะเป็นความผิดเกี่ยวกับบัญชีม้า ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2568 มาตรา 9 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท แล้ว ยังจะเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน "มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ" ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 25 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 80,000 บาท ถึง 300,000 บาท อีกด้วย . ยกตัวอย่างกรณีเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีคำพิพากษาตามคดีหมายเลขดำที่ อ319/2568 และคดีหมายเลขแดงที่ อ1230/2568 พิพากษาจำคุกผู้กระทำความผิด (บัญชีม้า) ถึง 41 ปี 258 เดือน กรณีเป็นเจ้าของบัญชีม้าและมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และพิพากษาจำคุกผู้เป็นธุระจัดหา (ผู้ดูแลคอกม้า) ถึง 119 ปี 234 เดือน . หากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือมีเบาะแสของผู้ที่ชักชวนหรือเป็นธุระจัดหาบุคคลให้ไปเปิดบัญชีม้า สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 191, 1599 หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง #ปราบปรามบัญชีม้า
ตุลาคม 21, 2568 15:17:16
กรณีชายยิงปืนในที่สาธารณะที่ปรากฏเป็นข่าวในเฟสบุ๊ค Survive - สายไหมต้องรอด พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 ได้สังการให้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองปทุมธานีกก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี และ บก.สส.ภ.1 ร่วมกันทำการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี จนกระทั่ง วันที่ 14 ม.ค.68 ได้ร่วมกันทำการสืบสวนจนทราบผู้ก่อเหตุ คือ นายพลพลฯ อายุ 18 ปี จึงได้ยื่นคำร้องขอหมายจับผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดปทุมธานี และ ทำการจับ กุมตัวและแจ้งข้อกล่าวหา ให้ทราบว่า "มีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และ ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน" จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และ รับว่า อาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุเป็น อาวุธปืนลูกซองยาวไม่มียี่ห้อ ขนาดเบอร์ 12 ไม่มีเครื่องหมายทะเบียน ซึ่งหลังอายุ 16 ปี ซึ่งเป็นรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกันจิงรับฝากปืนไว้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงได้ไปตรวจค้นที่บ้านดังกล่าวได้ตรวจ ยึดอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน 3 นัด และ ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต ต่อมา วันที่ 15 ม.ค.68 ได้เชิญผู้ปกครองและญาติของนายพลพลฯ ผู้ต้องหา เข้ามาพูดคุย ตักเตือน ชี้แจงข้อกฎหมายและขั้นตอนการดำเนินการคดีให้ทราบรวมถึงกำชับการดูแลอบรมบุตรหลาน ให้ประพฤติปฏิบัติตนตามกฎหมาย
มกราคม 21, 2568 10:11:18
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร รรท.ผบช.ภ.1 สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 1 นำกำลังเข้าตรวจค้นห้องพักภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.ไทรม้า อ.เมือง จว.นนทบุรี หลังสืบทราบว่าเป็นแหล่งติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือซิมบ็อกซ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้สำหรับหลอกเหยื่อ โดยตรวจสอบพบว่าในห้องไม่มีข้าวของ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าใด ๆ แต่กลับมีกล้องวงจรปิด ในห้องพบเครื่องซิมบอกซ์ 3 เครื่อง ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้เข้าเก็บพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ . ตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีชาวไต้หวัน ติดต่อขอเช่าไว้เมื่อ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ต่อมาวันที่ 3 พฤศจิกายน 67 ได้มีชายคล้ายชาวต่างชาติ เข้ามาห้องพักดังกล่าวพร้อมนำกระเป๋าใบใหญ่เข้ามา คาดว่านำอุปกรณ์เข้ามาวางระบบติดตั้งเครื่องซิมบ็อกซ์ ก่อนจะออกไปโดยไม่ได้พักอาศัยอยู่ . ทั้งนี้ รรท.ผบช.ภ.1 ได้สั่งการให้ตำรวจสืบสวนภาค 1 ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงประชาชนคนไทย และทำให้เหยื่อที่ถูกหลอกสูญเสียเงิน โดยตำรวจได้ตรวจสอบพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ได้หลอกผู้เสียหายหลายจังหวัด ใช้หมายเลขโทรศัพท์ลงท้าย 9199 ค่าความเสียหายประมาณ 1.2 ล้านบาท โดยพบว่าส่งสัญญาณมือถืออยู่ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี จึงได้สืบสวนหาข่าว จนพบแหล่งที่ตั้งของอุปกรณ์ดังกล่าว ซึ่งคนร้ายใช้ระบบความคุมผ่านทางอินเทอรฺ์เน็ต จึงมีเพียงอุปกรณ์เท่านั้น ส่วนซิมบ็อกซ์ที่ตรวจยึดได้จำนวน 3 เครื่อง 1 เครื่องสามารถใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์ได้ 128 ซิม 3 เครื่องรวม 384 ซิม ใช้โทรหลอกประชาชนวันละ 6,000 ถึง 7,000 ครั้ง ทั้งนี้หากประชาชนท่านใดมีเบาะแสมิจฉาชีพ โทรแจ้ง 191 หรือ 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ธันวาคม 10, 2567 11:57:08
หน้าแรก  1  2  ถัดไป  หน้าสุดท้าย