ตามสั่งการของ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.ฯ
ชุดตรวจค้น นำโดย พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.วิทิต จันทร์เอี่ยม รอง ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.วิศิษฎ์ มะอักษร รอง ผบก.สส.ภ.1,พ.ต.อ.นัฎฐพงศ์ ศรีเพ็ญประภา ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.พูนสุข เตชะประเสริฐพร ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1, พ.ต.ท.มนต์ชัย เหลืองประเสริฐ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.1 พร้อมกับเจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.1, เจ้าพนักงานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้นำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี
ที่ 89/2568 ลง 13 มี.ค. 68 เข้าทำการตรวจค้นห้องเช่าแห่งหนึ่ง (ในซอยกำนันแม้น 28) กัลปพฤกษ์ แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร
ด้วยเจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.1 ได้ตรวจสอบเคสไอดี T6803076464 ข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน สภ.บางไทร จว.พระนครศรีอยุธยา ภ.1 วันที่ 7 มี.ค. 68 เวลา 21.03 น.
แจ้งว่าเมื่อวันที่ 7 มี.ค.68 ผู้เเจ้งได้ถูกหลอกลวงลักษณะ ข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) โดยพฤติการณ์เบื้องต้นคือ ผู้แจ้งแจ้งว่ามีเบอร์โทรศัพท์ ติดต่อมา เวลา 16.05 น. ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ True มีคนเอาชื่อผู้แจ้งไปเปิดเบอร์ จะโอนสายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบ หลังจากนั้นให้ทางผู้แจ้งได้ข้อมูลจากทางตำรวจว่าได้ไปเปิดบัญชีม้าเพื่อฟอกเงินจึงมีการโอนเงินไปตรวจสอบ และแจ้งว่าจะโอนคืนมาผู้แจ้งไปตรวจสอบพบว่าเป็นมิจฉาชีพ มูลค่าความเสียหายรวมโดยประมาณ 13,402 บาท
ตรวจสอบข้อมูลในระบบรับแจ้งความออนไลน์พบมีความเชื่อมโยงกับ Case ID อีกจำนวน 6 คดี มูลค่าความเสียหายกว่าแสนบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ชื่อ นามสกุลคนเช่าห้องพักภายหลังชื่อ นาย I LIU PEI เพศ ชาย สัญชาติ ไต้หวัน
ผลการตรวจค้นพบ
1.เครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด ( Sim box ) จำนวน 3 เครื่อง ( ซึ่งสามารถใส่ซิมการ์ดได้ 32 ช่อง/เครื่อง )
2.เราเตอร์สัญญาณอินเตอร์เน็ต True gigatex หมายเลขบริการอินเตอร์เน็ตที่9607659415 จดทะเบียนโดย นาย I LIU PEI จำนวน 1 เครื่อง
3.กล้องวงจรปิด จำนวน 1 ตัว
4.ปลั๊กสามตา หรือ รางเต้ารับ จำนวน 3 อัน
5.พัดลมตั้งโต๊ะขนาดเล็ก จำนวน 2 ตัว
6.เครื่องสำรองไฟ จำนวน 1 เครื่อง
7.เครื่องส่องสว่างฉุกเฉิน จำนวน 1 เครื่อง
จึงได้ทำการตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
จากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่าห้องดังกล่าว มีชาวไต้หวันเป็นผู้เช่าห้อง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว มีความผิดฐาน “ร่วมกันทำ มีใช้ นำเข้า นำออกหรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต”
เจ้าพนักงานตำรวจชุดตรวจค้นจะได้ทำการสืบสวนขยายผลดำเนินคดี บุคคลที่เกี่ยวข้อง ตามกฎหมาย ต่อไป