โดย ตำรวจภูธรภาค 1
ตุลาคม 22, 2568 14:35:58
 13
พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ

ตำรวจภูธรภาค 1 ทลายแก๊งกดเงินบัญชีม้าสมุทรปราการยึดเงินสด 2 ล้านบาท ประสานผู้เสียหายรับเงินคืนแล้ว 400,000 บาท พร้อมแถลงการจับกุมผู้ลักลอบขายบุุหรี่ไฟฟ้า

ตำรวจภูธรภาค 1 ทลายแก๊งคอกม้าสมุทรปราการ จับ 3 ผู้ต้องหา ยึดเงินสดเกือบ 2 ล้านบาท หลังหลอกเหยื่อผ่านคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หลอกโอนเงินตรวจสอบความผิดปกติ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 4 ล้านบาท เร่งขยายผลถึงเครือข่ายผู้สั่งการอีก 6-7 ราย

ตำรวจภูธรภาค 1 จับกุมแก๊งคอกม้าและม้าถอนเงิน ได้จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย บัญชีม้า คือน.ส.แสงดา อายุ 30 ปี ส่วนคนคุมบัญชีม้าคือนายธนากรณ์ อายุ 26 ปี และนายกิตติพงศ์ อายุ 31 ปี ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนเองโดยมีพฤติกรรมที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี และข้อหาจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวเพื่อให้มีการซื้อขายบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปใช้กระทำความผิดทางอาญา พร้อมตรวจยึดของกลางสมุดบัญชีธนาคารและเงินสดจำนวน 1,924,400 บาท

คดีนี้มีผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์แจ้งว่าผู้เสียหายมีพัสดุตกหล่น ต่อมามีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองผู้บริโภค แจ้งว่าต้องตรวจสอบเงินของผู้เสียหายเพื่อคุ้มครองเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงทำตามขั้นตอนที่มิจฉาชีพบอกสุดท้ายถูกหลอกให้โอนเงินออกไปจำนวน 400,000 บาท ต่อมาได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.พระประแดง ตำรวจจึงได้สืบสวนและได้รับแจ้งข้อมูลจากWar room IAC สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ามีกลุ่มแก๊งคอกม้า ทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาบัญชีม้ามาถอนเงินสดที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายผ่านทางคอลเซ็นเตอร์ ที่เหตุเกิดในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระหว่างวันที่ 8-14 ตุลาคม จำนวน 4 คดี รวมความเสียหายกว่า 4,007,000 บาท

จากนั้นตำรวจได้สืบสวนจนรู้กลุ่มคนร้ายและยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุซึ่งทราบว่าทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียวกัน มีผู้ทำหน้าที่เป็นคนคุมคอกบัญชีม้าในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ จึงวางแผนเข้าจับกุมกระทั่งเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม เวลา 15.30 น. พบบัญชีม้าออกมาถอนเงินสดออกจากบัญชีจึงได้ติดตามไปจนถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพระประแดง พบน.ส.แสงดา และนายธนากรณ์ได้ไปทยอยถอนจากธนาคารต่างๆ ก่อนจะนำเงินมาส่งให้นายกิตติพงศ์ ที่จอดรถยนต์รออยู่บริเวณลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า ที่รอรับเงินนำเงินไปส่งให้กับผู้สั่งการ ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 รายพร้อมของกลางเงินสดเกือบ 2 ล้านบาท โดยระหว่างการเข้าจับกุมนายกิตติพงศ์เห็นเหตุการณ์จึงขับรถยนต์หลบหนี ตำรวจติดตามไปจนสามารถจับกุมตัวได้ภายในซอยเทศบาลบางปู 45 อำเภอบางปูจังหวัดสมุทรปราการ นอกจากนี้ตำรวจเร่ง ขยายผลถึงเครือข่ายนี้ไปยังผู้สั่งการ ซึ่งคาดว่ามีอีก 6-7 ราย

พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้เป็นการแถลงผลการปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นการปฏิบัติตามนโยบายนายกรัฐมนตรีที่ได้ยกระดับการปราบปรามการก่ออาชญากรรมออนไลน์โดยเฉพาะพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นวาระแห่งชาติ การประชุมเมื่อวานนี้ได้ยกระดับศูนย์วอรูมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้หน่วยงานอื่นเข้ามาร่วมปฏิบัติด้วย การปฏิบัติการในครั้งนี้ได้ตรวจสอบพบธุรกรรมต้องสงสัยเชื่อว่าเป็นการกระทำของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงผู้เสียหาย จึงส่งต่อข้อมูลให้กับตำรวจภูธรภาค 1 ได้วางแผนจับกุมคนร้ายและตรวจยึดเงินสดที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง ที่ผ่านมาตำรวจได้จับกุมบัญชีม้าไปแล้วกว่า 200 ราย โดยก่อนที่จะมีการตั้งวอรูมได้ยึดเงินคืนผู้เสียหายคิดเป็นประมาณ 20% แต่หลังจากตั้งวอรูมตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาสามารถยึดเงินคืนผู้เสียหายได้แล้วกว่า 40%

พลตำรวจโทวัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากวอรูมว่ามีบัญชี 4 บัญชี มีการเบิกถอนเงินผิดปกติ จึงให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนไปเฝ้าจุดจนกระทั่งพบผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ที่มีการแบ่งงานกันทำทั้งบัญชีม้าและผู้ควบคุมบัญชีม้า เมื่อเข้าไปกดเงินที่ธนาคาร ได้เงินมาจำนวน 500,000 บาท ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ขณะจับกุมไปแล้ว ยังมีผู้เสียหายโอนเงินเข้ามาอีก 1,400,000 บาท

พลตำรวจโทวัฒนา บอกอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกหลอกในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีจึง ได้ประสานไปยังตำรวจพื้นที่สุพรรณบุรีให้มาแจ้งความดำเนินคดี และได้ประสานให้มารับมอบเงินคืนจำนวน 400,000 บาทในวันนี้ ส่วนยอดเงินที่เหลืออีกกว่าหนึ่งล้านบาทกำลังสืบสวนหาที่มาและสืบสวนหาผู้เสียหายเพื่อนำเงินคืนแก่ผู้เสียหายต่อไป

ตัวแทนครอบครัวของผู้เสียหาย เล่าว่า
มิจฉาชีพอ้างตัวเป็นไปรษณีย์บอกว่าพัสดุของแม่หากไม่ได้รับมา 2 สัปดาห์ทางไปรษณีย์จะต้องส่งคืน ทางแม่จึงสอบถามต่อว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ ทางไปรษณีย์มีทางเลือกอย่างไรบ้าง มิจฉาชีพจึงแจ้งว่ามีทางเลือกในการไปรับที่สำนักงานเองหรือใช้ผ่านแอปพลิเคชั่น ส่วนพัสดุที่รับเกี่ยวกับเอกสารทางราชการ และบัตรคุ้มครองสิทธิคนที่เกษียณอายุราชการที่คุ้มกันว่าหากโดนหลอกจะมีประกันคืนให้

ภ.1
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง